วันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2560

การเขียนสตอรี่บอร์ด (Storyboard)

การเขียนสตอรี่บอร์ด (Storyboard)

ความหมายของสตอรี่บอร์ด (Story Board)
สตอรี่บอร์ด (Story Board) คือ การเขียนกรอบแสดงเรื่องราวที่สมบูรณ์ของภาพยนตร์หรือหนังแต่ละเรื่อง โดยมีการแสดงรายละเอียดที่จะปรากฏในแต่ละฉากหรือแต่ละหน้าจอ เช่น ข้อความ ภาพ ภาพเคลื่อนไหว เสียงดนตรี เสียงพูดและแต่ละอย่างนั้นมีลำดับของการปรากฏว่าอะไรจะปรากฏขึ้นก่อน-หลัง อะไรจะปรากฏพร้อมกัน เป็นการออกแบบอย่างละเอียดในแต่ละหน้าจอก่อนที่จะลงมือสร้างเอนิเมชันหรือ หนังขึ้นมาจริงๆ
• Storyboard คือ การสร้างภาพให้เห็นลำดับขั้นตอนตามเนื้อเรื่องที่ต้องการ โดยเฉพาะภาพเคลื่อนไหว
• รายละเอียดที่ควรมีใน Storyboard ได้แก่ คำอธิบายแต่ละสื่อที่ใช้ (ข้อความ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว เสียง วีดิโอ)
หลักการเขียนสตอรี่บอร์ด
          รูปแบบของสตอรี่บอร์ด จะประกอบไปด้วย 2 ส่วนคือ ส่วนภาพกับส่วนเสียง โดยปกติการเขียนสตอรี่บอร์ด ก็จะวาดภาพในกรอบสี่เหลี่ยม ต่อด้วยการเขียนบทบรรยายภาพหรือบทการสนทนา และส่วนสุดท้ายคือการใส่เสียงซึ่งอาจจะประกอบด้วยเสียงสนทนา เสียงบรรเลง และเสียงประกอบต่างๆ

สิ่งสำคัญที่อยู่ภายในสตอรี่บอร์ด ประกอบด้วย
- ตัวละครหรือฉาก ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่หรือตัวการ์ตูน และที่สำคัญ คือ พวกเขากำลังเคลื่อนไหวอย่างไร
- มุมกล้อง ทั้งในเรื่องของขนาดภาพ มุมภาพและการเคลื่อนกล้อง
- เสียงการพูดกันระหว่างตัวละคร  มีเสียงประกอบหรือเสียงดนตรีอย่างไร

ข้อดีของการทำ Story Board
1. ช่วยให้เนื้อเรื่องลื่นไหล เพราะได้อ่านทวนตั้งแต่ต้นจนจบก่อนจะลงมือวาดจริง
2. ช่วยให้เนื้อเรื่องไม่ออกทะเล เพราะมีแผนการวาดกำกับไว้หมดแล้ว
3. ช่วยกะปริมาณบทพูดให้พอดีและเหมาะสมกับหน้ากระดาษและบอลลูนนั้น ๆ
4. ช่วยให้สามารถวาดจบได้ในจำนวนหน้าที่กำหนด (สำคัญสุด!)
ขั้นตอนการทำ Story Board
1.วางโครงเรื่องหลัก ไม่ว่าจะเป็น Theme, ตัวละครหลัก, ฉาก ฯลฯ
    1.1  แนวเรื่อง
    1.2  ฉาก
    1.3  เนื้อเรื่องย่อ
    1.4  Theme/แก่น (ข้อคิด/สิ่งที่ต้องการจะสื่อ)
    1.5  ตัวละคร  สิ่งสำคัญคือกำหนดรูปลักษณ์ของตัวละครแต่ละตัวให้โดดเด่นไม่คล้ายกันจนเกิน ไป ควรออกแบบรูปลักษณ์ของตัวละครให้โดดเด่นแตกต่างกัน และมองแล้วสามารถสื่อถึงลักษณะนิสัยของตัวละครได้ทันที
 2.  ลำดับเหตุการณ์คร่าว ๆ
จุดสำคัญคือ ทุกเหตุการณ์จะเป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน เหตุการณ์ก่อนหน้าจะทำให้เหตุการณ์ต่อมามีน้ำหนักมากขึ้น และต้องหา จุด Climax ของเรื่องให้ได้ จุดนี้จะเป็นจุดที่น่าตื่นเต้นที่สุดก่อนที่จะเฉลยปมทุกอย่างในเรื่อง การสร้างปมให้ผู้อ่านสงสัยก็เป็นจุดสำคัญในการสร้างเรื่อง ปมจะทำให้ผู้อ่านเกิดคำถามในใจและคาดเดาเนื้อเรื่องรวมถึงตอนจบไปต่าง ๆ นานา
3. กำหนดหน้า
4. แต่งบท
            เป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนลงมือวาดสตอรี่บอร์ด ควรเขียนบทพูดและบทความคิดที่จะใช้เขียนลงในหนังออกมาโดยละเอียดเพื่อที่จะได้กำหนดขนาดของบอลลูนและจัดวางลงบนหน้ากระดาษได้อย่าเหมาะสม
5. ลงมือเขียน Story Board

ที่มาซ https://sites.google.com/site/pathumwilairoom1/kar-kheiyn-s-tx-ri-bxrd-storyboard

วันพุธที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการตัดต่อวิดีโอ

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการตัดต่อวิดีโอ


                ในปัจจุบันงานวิดีโอได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากขึ้น ด้วยความสามารถของงานทางด้านมัลติมีเดียที่ทำให้การนำเสนองานของเราน่าสนใจแล้วราคากล้องวิดีโอก็ราคาถูกลงมามากและหาซื้อได้ไม่ยาก พร้อมกับโปรแกรมที่ใช้ในการตัดต่อวิดีโอก็มีให้เลือกใช้มากมายและก็ไม่ยากจนเกินไปที่จะเรียนรู้
ประโยชน์ของงานวิดีโอ
                1.  แนะนำองค์กรและหน่วยงาน การสร้างงานวิดีโอเพื่อแนะนำสถานที่ต่างๆ หรือในการนำเสนอข้อมูลภายในหน่วยงานและองค์กร เพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับผู้ชมผู้ฟังและยังก่อให้เกิดความเข้าใจในตัวงานได้ง่ายขึ้น
                2.  บันทึกภาพความทรงจำ และเหตุการณ์สำคัญต่างๆ เช่น การเดินทางไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ งานวันเกิดงานแต่งงาน งานรับปริญญางานเลี้ยงของหน่วยงานหรือองค์กร ซึ่งเดิมเราจะเก็บไว้ในรูปแบบภาพนิ่ง
                3.  การทำสื่อการเรียนการสอน คุณครูสามารถสร้างสื่อการสอนในรูปแบบวิดีโอไว้นำเสนอได้หลายรูปแบบ เช่น เป็นวิดีโอโดยตรง เป็นภาพวิดีโอประกอบในโปรแกรม POWER POINT   เป็นภาพวิดีโอประกอบใน Homepage และอื่นๆ
                4.  การนำเสนอรายงาน วิทยานิพนธ์ และงานวิจัยต่างๆ ซึ่งปรับเปลี่ยนการนำเสนองานจากรูปแบบเดิม ที่เป็นเอกสารภาพประกอบ แผ่นชาร์จแผ่นใส ให้ทันสมัยเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
                5.  วิดีโอสำหรับบุคคลพิเศษ บุคคลสำคัญในโอกาสพิเศษ อาจหมายถึง วิทยากรที่เชิญมาบรรยาย ผู้จะเกษียณอายุจากการทำงาน เจ้าของวันเกิดคู่บ่าวสาว โอกาสของบุคคลที่ได้รับรางวัลต่างๆ
                ที่กล่าวมานี้คือส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้เรามองเห็นความสำคัญของงานวิดีโอมากขึ้น และได้รู้ว่าการทำวิดีโอไม่ได้ลงทุนมากและยุ่งยากอย่างที่คิดจากประสบการณ์ ในการทำงานวิดีโอ สรุปได้ว่าวิดีโอที่ดี ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินลงทุนที่ใช้ แต่ขึ้นอยู่กับความประณีต และความคิดสร้างสรรค์
ที่มา :  www.ns.ac.th/course/ulead/1.doc

ชนิดของวิดีโอ
                วิดีโอที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันสามารถแบ่งได้เป็น 2 ชนิดคือ
                1. วิดีโออะนาลอก (Analog Video) เป็นวีดีโอที่ทำการบันทึกข้อมูลภาพและเสียงให้อยู่ในรูปของสัญญาณอนาลอก (รูปของคลื่น) สำหรับวีดีโอประเภทนี้ เช่น VHS (Video Home System) ซึ่งเป็นม้วนเทปวีดีโอที่ใช้ดูกันตามบ้าน เมื่อทำการตัดต่อข้อมูลของวีดีโอชนิดนี้ อาจจะทำให้คุณภาพลดน้อยลง
                2. วีดีโอดิจิตอล (Digital Video)  เป็นวีดีโอที่ทำการบันทึกข้อมูลภาพและเสียงที่ได้มาจากกล้องดิจิตอล ให้อยู่ในรูปของสัญญาณดิจิตอล คือ 0 กับ 1 ส่วนการตัดต่อข้อมูลของภาพและเสียงที่ได้มาจากวีดีโอดิจิตอลนั้น จะแตกต่างจากวีดีโออนาลอก เพราะข้อมูลที่ได้จะยังคงคุณภาพความคมชัดเหมือนกับข้อมูลต้นฉบับ การพัฒนาของวีดีโอดิจิตอลส่งผลให้วีดีโออนาลอกหายไปจากวงการมัลติมีเดีย เนื่องจากสัญญาณดิจิตอลสามารถที่จะบันทึกข้อมูลลงบนฮาร์ดดิสก์ ซีดีรอม ดีวีดี หรืออุปกรณ์บันทึกข้อมูลอื่น ๆ และสามารถแสดงผลบนคอมพิวเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในการผลิตมัลติมีเดียบนคอมพิวเตอร์ สามารถเปลี่ยนรูปแบบของสัญญาณอนาลอกเป็นสัญญาณดิจิตอลได้ เพียงแต่ผู้ผลิตมีทรัพยากรทางด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมเท่านั้น

การนำวีดีโอไปใช้งาน
                วีดีโอสามารถนำไปใช้งานได้ในหลาย ๆ ลักษณะซึ่งสามารถแสดงดังต่อไปนี้
              - ด้านบันเทิง (Video Entertainment) สามารถบันทึกมิวสิกวีดีโอ รายการโทรทัศน์ที่ชื่นชอบ บันทึกการแสดงสด หรือในงานเลี้ยงสังสรรต่าง ๆ เพื่อนำกลับมาชมได้อีกครั้ง
                - ด้านการนำเสนองาน (Video Presentation) สำหรับแนะนำสินค้า กิจกรรมด้านต่าง ๆ
                - ด้านงานสะสมวีดีโอ (Video Album) สามารถผลิต Video ที่ใช้เพื่อบันทึกภาพแห่งความทรงจำ รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่กระทำร่วมกันขณะที่เราศึกษาอยู่
              - ด้านการศึกษา (Education Program) ผลิตสื่อการเรียนการสอนของอาจารย์ในรูปแบบของวีดีโอเทป ซีดีรอม หรือภาพนิ่ง เพื่อใช้ประกอบการเรียนการสอนได้ทั้งในชั้นเรียน และทางออนไลน์

ลักษณะการทำงานของวีดีโอ
                กล้องวีดีโอเป็นการนำเอาหลักการของแสงที่ว่า “แสงตกกระทบกับวัตถุแล้วสะท้อนสู่เลนส์ในดวงตาของมนุษย์ทำให้เกิดการมองเห็น” มาใช้ในการสร้างภาพร่วมกับวงจรอิเล็กทรอนิกส์ โดยภาพที่ได้จะถูกบันทึกเป็นสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรียกว่า “สัญญาณอนาลอก” ประกอบด้วยข้อมูลสี 3 ชนิด คือ แดง เขียว น้ำเงิน (Red, Green, Blue : สีRGB) และสัญญาณสำหรับเชื่อมความสัมพันธ์ของข้อมูล (Synchronization Plus : สัญญาณ SYNC) สัญญาณวีดีโอจะถูกส่งไปบันทึกยังตลับวีดีโอ (Video Cassette Recorder : VCR) โดยการแปลงสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์เป็นสัญญาณดิจิตอลและบันทึกลงบนอุปกรณ์บันทึกข้อมูลด้วยหลักการของสนามแม่เหล็ก การบันทึกจะต้องบันทึกผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า “หัวเทปวีดีโอ” ที่สามารถบันทึกได้ทั้งภาพ เสียง และข้อมูลควบคุมการแสดงภาพ นอกจากบันทึกเป็นม้วนเทปวีดีโอแล้วยังสามารถบันทึกในรูปของสัญญาณวิทยุได้อีกด้วย โดยอาศัย NTSC, PAL หรือ SECAM เพื่อช่วยในการส่งสัญญาณให้สามารถแพร่ภาพทางโทรทัศน์ได้ที่
ที่มา  http://kruoong.blogspot.com/2011/07/blog-post.html

แนวคิดในการสร้างวิดีโอ
ก่อนที่ลงมือสร้างผลงานวิดีโอสักเรื่อง จะต้องผ่านกระบวนการคิด วางแผนมาอย่างรอบครอบ ไม่ใช่ไปถ่ายวิดีโอแล้วก็นำมาตัดต่อเลย โดยไม่มีการคิดให้ดีก่อนที่จะถ่ายทำ เพราะปัญหาที่มักเกิดขึ้นเสมอก็คือการที่ไม่ได้ภาพตามที่ต้องการ เนื้อหาที่ถ่ายมาไม่สอดคล้องกับสิ่งที่ต้องการนำเสนอ  ในที่นี้ขอแนะนำแนวคิดในการทำงานวิดีโออย่างมีประสิทธิภาพ ตรงตามความต้องการ จะไม่ต้องมาเสียเวลาแก้ไขภายหลัง โดยมีลำดับแนวคิดของงานสร้างวิดีโอเบื้องต้น ดังนี้
1.  เขียน Storyboard
สิ่งแรกที่เราควรเรียนรู้ก่อนสร้างงานวิดีโอ ก็คือ   การเขียนStoryboard  คือ การจินตนาการฉากต่างๆ ก่อนที่จะถ่ายทำจริงในการเขียน Storyboard อาจวิธีง่ายๆ ไม่ถึงขนาดวาดภาพปรกอบก็ได้ เพียงเขียนวัตถุประสงค์ของงานให้ชัดเจนว่าต้องการสื่ออะไรหรืองานประเภทไหน จากนั้นดูว่าเราต้องการภาพอะไรบ้าง เขียนออกมาเป็นฉาก เรียงลำดับ 1, 2, 3,.......
2.  เตรียมองค์ประกอบต่างๆ ที่ต้องใช้
ในการทำงานวิดีโอ เราจะต้องเตรียมองค์ประกอบต่างๆ ให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นไฟล์วิดีโอ ไฟล์ภาพนิ่ง ไฟล์เสียง หรือไฟล์ดนตรี
3.  ตัดต่องานวิดีโอ
การตัดต่อคือการนำองค์ประกอบต่างๆ ที่เตรียมไว้มาตัดต่อเป็นงานวิดีโอ งานวิดีโอจะออกมาดีน่าสนใจเพียงใดขึ้นอยู่กับการตัดต่อเป็นสำคัญ ซึ่งเราจะต้องเรียนรู้การตัดต่อในบทต่อไปก่อน
4.  ใส่เอ็ฟเฟ็กต์/ตัดต่อใส่เสียง
ในขั้นตอนการตัดต่อ เราจะต้องตกแต่งงานวิดีโอด้วยเทคนิคพิเศษต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นสี การใส่ข้อความ หรือเสียงดนตรี ซึ่งจะช่วยให้งานของเรามีสีสัน และน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
5.  แปลงวิดีโอ เพื่อนำไปใช้งานจริง
ขั้นตอนการแปลงวิดีโอเป็นขั้นตอนสุดท้าย ในการทำงานวิดีโอที่เราได้ทำเรียบร้อยแล้วนั้นไปใช้งาน โปรแกรม Ulead Video Studio สามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น ทำเป็น VCD, DVD หรือเป็นไฟล์ WMV สำหรับนำเสนอทางอินเทอร์เน็ต


รูปแบบไฟล์ภาพ
BMP (Bitmap)
     ไฟล์ภาพประเภทที่เก็บจุดของภาพแบบจุดต่อจุดตรงเรียกว่าไฟล์แบบ บิตแมพ( Bitmap ) ไฟล์ประเภทนี้จะมีขนาดใหญ่แต่สามารถเก็บรายละเอียดของภาพได้อย่างสมบูรณ์ แต่เนื่องจากการเก็บแบบ Bitmap ใช้เนื้อที่ในการเก็บจำนวนมาก จึงได้มีการคิดค้นวิธีการเก็บ
ภาพให้มีขนาดเล็กลงโดยยังคงสามารถเก็บภาพได้เช่นเดิม ขึ้นมาหลายวิธีการ เช่น JPEG และ GIF

      JPEG ( Joint Graphics Expert Group )
      เป็นการเก็บไฟล์ภาพแบบที่บีบอัด สามารถทำภาพ ให้มีขนาดของไฟล์ภาพเล็กกว่าแบบ Bitmap หลายสิบเท่า แต่เหมาะจะใช้กับภาพที่ถ่ายจากธรรมชาติเท่านั้น ไม่เหมาะกับการเก็บภาพเหมือนจริง  เช่น ภาพการ์ตูน เป็นต้น

     GIF ( Graphics Interchange Format )
       เป็นวิธีการเก็บไฟล์ภาพแบบบีบอัดคล้ายกับ JPEG โดยทั่วไปแล้วไม่สามารถเก็บภาพที่ถ่ายจากธรรมชาติได้มีขนาดเล็กเท่ากับแบบ JPEG แต่สามารถเก็บภาพที่ไม่ใช่ภาพถ่ายจากธรรมชาติเช่น ภาพการ์ตูน ได้เป็นอย่างดี นากจากนี้ GIF ยังสามารถเก็บภาพไว้ได้หลายๆภาพ ในไฟล์เดียว จึงถูกนำไปใช้สร้างภาพเคลื่อนไหวง่ายๆ เช่น ในอินเตอร์เน็ต


  
     TIFF ( Tagged Image File Format )
        คือการเก็บไฟล์ภาพในลักษณะเดียวกับไฟล์แบบ BMP แต่ในไฟล์มี Tagged File ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ช่วยโปรแกรมควบคุมการแสดงภาพ เช่น การแสดงหรือไม่แสดงภาพบางส่วนได้ ภาพที่เก็บไว้ในลักษณะของ TIFF จึงมีความพิเศษกว่าการเก็บแบบอื่นที่กล่าวมา นอกจากนี้ยังมีไฟล์ภาพแบบต่างๆ อีกหลายแบบ โดยแต่ละแบบจะมีจุดเด่นแตกต่างกันไป มักนิยมใช่ในงานกราฟิกการพิมพ์



                ไฟล์วิดีโอที่นำมาใช้งานกับนั้นมีหลายรูปแบบ  โดยเราจะมาทำความรู้จักกับไฟล์วิดีโอแบบต่าง เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกใช้ได้อย่างถูกต้องและตรงตามประเภทของงาน
          ไฟล์  MPEG 
           MPEG  ( Motion  Picture  Exports   Group )  เป็นมาตรฐานสำหรับการบีบอัดวิดีโอและเสียงแบบดิจิตอล   ซึ่งเป็นรูปแบบของวิดีโอที่มีคุณภาพสูงและนิยมใช้กับงานทุกประเภทโดยไฟล์ MPEGนี้ ก็ยังแยกประเภทออกไปตามคุณสมบัติต่าง ๆ  อีกด้วย   ดังนี้
MPEG -1
ถือกำเนิดขึ้นมาในปี  2535   ซึ่งเป็นรูปแบบของไฟล์ที่เข้ารหัสมาด้วยการบีบอัดให้ได้ไฟล์ที่มี
ขนาดเล็ก  เพื่อสำหรับการสร้างวิดีโอแบบ  VCD โดยจะมีการบีบอัดข้อมูลสูง   มีค่าบิตเรตอยู่ที่  1.5  Mb/s  ซึ่งมีคุณภาพใกล้เคียงกับเทปวิดีโอ
MPEG -2
ถือกำเนิดขึ้นในปี 2538  ซึ่งเป็นรูปแบบของไฟล์ที่เข้ารหัสมาเพื่อการสร้างภาพยนตร์โดยเฉพาะ โดยสามารถสร้างเป็น  SVCD  หรือ   DVD ก็ได้   ซึ่งอัตราการบีบอัดข้อมูลจะน้อยกว่า MPEG-1  ไฟล์ที่ได้จึงมีขนาดใหญ่กว่าและได้คุณภาพสูงกว่าด้วย  อีกทั้งค่าบิตเรตก็ไม่ตายตัว  ทำให้สามารถกำหนดอัตราการบีบอัดข้อมูลได้เอง
MPEG -4
เป็นรูปแบบของไฟล์แบบใหม่ที่ถือกำเนิดขึ้นในเดือนตุลาคม  2541   จากความร่วมมือกันของ
วิศวกรทั่วโลกและได้เป็นมาตรฐานของนานาชาติเมื่อปี  2542  ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติวงการดิจิตอลวิดีโอ  เพราะมีรูปแบบการบีบอัดที่ดีกว่า    MPEG-1   และ   MPEG-2   โดยไฟล์ประเภทนี้จะมีคุณภาพของวิดีโอสูง  สามารถสร้างรหัสภาพวิดีโอได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยมีจุดประสงค์เพื่อการใช้งานอยู่  3 ประเภท  คือ  ระบบโทรทัศน์แบบดิจิตอล   งานด้านแอพพลิเคชันกราฟิกและมัลติมีเดียต่างๆ  แต่ปัจจุบันยังมีสื่อที่รองรับไฟล์ประเภทนี้อยู่น้อย   จึงไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก

 ฟล์ประเภทอื่นๆ
MOV
( Quick Time  Movie )
เป็นไฟล์สำหรับโปรแกรม  QuickTime  จากบริษัท Apple  ซึ่งนิยมใช้สำหรับเครื่องแมคอินทอช   แต่เครื่องพีซีก็สามารถใช้ได้   โดยจะต้องมีโปรแกรม QuickTime   เพื่อใช้เปิดไฟล์   โดยไฟล์ประเภทนี้จะมีคุณภาพสูงและประกอบด้วยรายละเอียดต่างๆ มากมาย
VOB
เป็นรูปแบบของไฟล์ประเภท  DVD – Video  ที่มีคุณภาพสูงทั้งด้านภาพและเสียง   สามารถเล่นได้กับเครื่องเล่นดีวีดีหรือไดรฟ์ดีวีดีจากเครื่องคอมพิวเตอร์
DAT
เป็นรูปแบบของไฟล์ประเภท  Video  CD  ที่มีความละเอียดต่ำกว่าไฟล์ประเภทดีวีดี    โดยได้รับการเข้ารหัสมาจากเทคโนโลยีของ  MPEG-1  คุณภาพของวิดีโอก็พอ ๆ กับเทป  VHS  สามารถเล่นได้กับเครื่องเล่นวีซีดีโดยทั่วไป หรือเล่นได้จากคอมพิวเตอร์
AVI
( Audio – Video Interleave )
เป็นมาตรฐานไฟล์วิดีโอที่เริ่มมีมาพร้อมกับ  Windows 3.11  พัฒนาโดย ไมโครซอฟต์   ซึ่งมีความละเอียดสูงเหมาะกับการใช้งานในการตัดต่อวิดีโอ  แต่ไม่นิยมใช้ในการส่งสัญญาณหรือโอนย้ายไปยังปลายทางอื่นๆ  เพราะไฟล์มีขนาดใหญ่
WMV
( Windows  Media  Video )
เป็นไฟล์วิดีโอของไมโครซอฟต์อีกเช่นกัน    ถือกำเนิดขึ้นมาจากเทคโนโลยีของ   Microsoft  Windows  Media  ซึ่งสามารถสร้างขึ้นมาได้จากโปรแกรม Microsoft  Movie  Maker  โดยไฟล์ประเภทนี้กำลังได้รับความนิยมทางอินเตอร์เน็ต  เช่น  การชมวิดีโอแบบ Movie on Demand 
 เพราะด้วยขนาดไฟล์ที่เล็กและมีคุณภาพดี
   ทำให้สามารถโอนถ่ายข้อมูลได้รวดเร็ว

รูปแบบของไฟล์เสียงชนิดต่าง ๆ
ในการบันทึกเสียงในระบบ  Hard disk  Recording  จะมีรูปแบบของการเก็บข้อมูลเสียงมากมาย และแต่ละรูปแบบก็สามารถเปลี่ยนไปมากันได้ บางรูปแบบที่มีการบีบอัด เมื่อเปลี่ยนกับมาเป็นรูปแบบที่ไม่มีการบีบอัดก็จะได้คุณภาพเสียงเหมือนที่บีบอัดไปแล้ว เพราะมีการสูญเสียคุณภาพสัญญาณไปในขั้นตอนของการบีบอัดไปแล้วไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้โปรแกรมดนตรีมักจะเก็บข้อมูลเสียงดังนี้
AIFF ย่อมาจาก  Audio Interchange File Format เป็นรูปแบบที่ใช้กันมากกับโปรแกรมบน Mac เพราะ Apple เป็นผู้ริเริ่ม เป็นได้ทั้ง Mono และ Stereo ความละเอียดเริ่มต้นที่ 8 Bit/22 kHz ไปจนถึง 24 bit/ 96 kHz และมากกว่านั้น
MP3 เป็นรูปแบบที่รู้จักกันดีในปัจจุบัน ในฐานะที่คุณภาพเสียงที่ดีในขณะที่ข้อมูลน้อยมาก ประมาณ 1 MB ต่อ เพลงความยาว 1 นาทีแบบ Stereo ซึ่งเป็นการบีบอัดโดยลดความซ้ำซ้อนของข้อมูลเสียง และตัดเสียงที่หูของมนุษย์ไม่สามารถได้ยินโดยอ้างอิงจากงานวิจัย Psychoacoustic   แต่ไม่สามารถให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่าเสียงแบบ Full Bandwidth หรือ Hi-fi ได้ เพราะมันเป็นการบีบอัดที่สูญเสียหรือเรียกว่า “Lossy Technology” ถึงแม้ว่าเจ้าของค่ายเพลงในเมืองไทยหรือทั่วโลกไม่ชอบมัน แต่ในเมื่อมันคุ้มค่าสำหรับเก็บไว้ฟังหรือส่งต่องานให้เพื่อน โปรแกรมดนตรีส่วนใหญ่ก็ให้เราสามารถ import /export งานเป็น MP3 ได้

          ในปัจจุบันนี้มีระบบการส่งสัญญาณโทรทัศน์ที่นิยมใช้ในแถบภูมิภาคต่างๆ คือ
       1.  ระบบ NTSC (National Televion Standards Committee) เป็นระบบโทรทัศน์สีระบบแรกที่ใช้งานในประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปีค.ศ.1953 ประเทศที่ใช้ระบบนี้ต่อ ๆ มาได้แก่ ญี่ปุ่น แคนาดา เปอเตอริโก้ และเม็กซิโก เป็นต้น
       2.ระบบ PAL (Phase Alternation Line) เป็นระบบโทรทัศน์ที่พัฒนามาจากระบบ NTSC ทำให้มีการเพี้ยนของสีน้อยลง เริ่มใช้งานมาตั้งแต่ปีค.ศ.1967 ในประเทศทางแถบยุโรป คือ เยอรมันตะวันตก อังกฤษ ออสเตรเลีย เบลเยี่ยม บราซิล เดนมาร์ก นอร์เวย์ สวีเดน   สวิตเซอร์แลนด์ และมีหลายประเทศในแถบเอเซียที่ใช้กันคือ สิงคโปร์ มาเลเซีย รวมไปถึงประเทศไทยก็ใช้ระบบนี้
       3. ระบบ SECAM (SEQuentiel A Memoire("memory sequential") เป็นระบบโทรทัศน์อีกระบบหนึ่งคิดค้นขึ้นโดย Dr.Henry D.France เริ่มใช้มาตั้งแต่ปีค.ศ.1967 นิยมใช้กันอยู่หลายประเทศแถบยุโรปตะวันออก ได้แก่ ฝรั่งเศส อัลจีเรีย เยอรมันตะวันออก  ฮังการี ตูนีเซีย รูมาเนีย และรัสเซีย เป็นต้น
 

วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556

Plan2


โครงสร้างรายวิชา งานกราฟิก    รหัสวิชา   ง        
จำนวน    2   ชั่วโมง / สัปดาห์     จำนวน   100    คะแนน

ลำดับที่
ชื่อหน่วยการเรียนรู้
มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
สาระสำคัญ
เวลา (ชั่วโมง)
น้ำหนักคะแนน
(100)
1.
รู้จักกับหน้าตาและเครื่องมือเบื้องต้น
ง 3.1 ม.4/8 ม.4/10
ม.4/11 ง 3.1
ม.4/12
1. ก่อนการใช้งานโปรแกรมจำเป็นอย่างมากที่จะต้องเรียนรู้ลักษณะหน้าต่างโปรแกรม   การใช้ฟังก์ชัน และ การใช้งานเครื่องมือต่าง ๆ ในโปรแกรม
6
15
2.
Motion Tween เบื้องต้นกับภาพเคลื่อนไหว
ง 3.1 ม.4/8 ม.4/10
ม.4/11 ง 3.1
ม.4/12
2. การสร้างการเคลื่อนที่จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งนั้นเราจะต้องมีจุดเริ่มต้น และจุดปลายทางที่เราจะให้วัตถุเคลื่อนที่ไป
6
15
3.
Motion shape ภาพเคลื่อน
ไหวแบบเปลี่ยนรูปร่าง
ง 3.1 ม.4/8 ม.4/10
ม.4/11 ง 3.1
ม.4/12
3. การสร้างภาพเคลื่อนไหวแบบเปลี่ยนรูปร่างทำให้ผลงานเกิดความน่าสนใจมากขึ้น
8
20
4.
การทำภาพเคลื่อนไหวแบบมีเส้น Guide Layer
ง 3.1 ม.4/8 ม.4/10
ม.4/11 ง 3.1
ม.4/12
4. การทำภาพเคลื่อนไหวแบบมีเส้นเป็นการกำหนดการเคลื่อน
ไหวของวัตถุตามเส้นที่กำหนด
ให้
8
15
5.
การทำภาพเคลื่อนไหวแบบ Mask Layer
ง 3.1 ม.4/8 ม.4/10
ม.4/11 ง 3.1
ม.4/12
5. การทำภาพเคลื่อนไหวแบบ mask layer เป็นการสร้างภาพเคลื่อนไหวที่แสดงเฉพาะส่วนที่เราเลือกเท่านั้น
6
15
6.
การประยุกต์ใช้ Animation กับข้อความ
ง 3.1 ม.4/8 ม.4/10
ม.4/11 ง 3.1
ม.4/12
6.การนำข้อความมาสร้างเป็นงาน Animation ทำให้ข้อความที่ได้ดูแล้วน่าสนในมากยิ่งขึ้น
6
20



รวม
40
100

วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2556

Plan1



การจัดทำหน่วยการเรียน
ชื่อรายวิชา การนำเสนอสื่อประสม     รหัสวิชา ง 20275      กลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3                                       จำนวน 1.0  หน่วยกิต                                                 เวลา 40 ชั่วโมง


หน่วยการเรียนรู้ที่
ชื่อหน่วยการเรียนรู้
   เวลา (คาบ)
                1
รู้จักกับโปรแกรมนำเสนอ (Microsoft Power Point)
-                    สามารถเข้า-ออกโปรแกรมได้
-                    สามารถบอกส่วนประกอบหน้าจอได้
-                    สามารถดูสไลด์ในมุมมองต่างๆ ได้
-                    สามารถแทรก, เพิ่ม, ลบ, สไลด์ได้
-                    สามารถบันทึกงานได้
           4
                2
เริ่มต้นสร้างงานนำเสนอ
-                    สามารถเลือกรูปแบบงานนำเสนอได้เหมาะสม
-                    สามารถพิมพ์ข้อความลงในสไลด์ได้
-                    สามารถแทรกรูปภาพลงในสไลด์ได้
          4
                3
การตกแต่งงานนำเสนอ   
-                    สามารถเปลี่ยนสีพื้นหลังตามแบบที่ต้องการได้
-                    สามารถใช้การออกแบบตกแต่งพื้นหลังได้
-                    สามารถแทรกอักษรศิลป์ตกแต่งได้
-                    สามารถแทรกสัญลักษณ์ เส้นขอบต่างๆ ได้
          2
                4
การนำเสนอผลงาน
-                    สามารถกำหนดลูกเล่นให้ข้อความได้
-                    สามารถเปลี่ยนภาพนิ่งได้
-                    สามารถนำเสนอผลงานทางจอคอมพิวเตอร์ได้
           10
                5
การใช้คำสั่งพิเศษ
-                    สามารถใช้คำสั่งพิเศษตกแต่งงานได้
-                    สามารถประยุกต์ใช้คำสั่งพิเศษสร้างสรรค์งานตามที่ต้องการได้
     
          20


          40





แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1   เรื่อง เริ่มต้นกับโปรแกรมนำเสนอ   (Microsoft Power Point)       

รายวิชา รหัสวิชา การนำเสนอสื่อประสม  (ง 20275)    กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพและเทคโนโลยี

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3             ภาคเรียนที่ 1         ปีการศึกษา 2556                           เวลา 4  คาบ

ผู้สอน นายองอาจ วิจิตรวรกาญจน์                                                                            โรงเรียนประสาทรัฐประชากิจ

 

1. มาตรฐานการเรียนรู้
               มาตรฐานที่ ง  3.1  เข้าใจ เห็นคุณค่า และใช้กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศในการสืบค้นข้อมูล การเรียนรู้ การสื่อสาร การแก้ปัญหา การทำงานและอาชีพ อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และ   มีคุณธรรม
                                               
              ผลการเรียนรู้       1. สามารถเข้า-ออกโปรแกรมได้
                                                2. สามารถบอกส่วนประกอบหน้าจอได้
                                                3. สามารถดูสไลด์ในมุมมองต่าง ๆ ได้
                                                4. สามารถแทรก, ลบ, เพิ่ม สไลด์ได้
                                                5. สามารถบันทึกงานได้

2. สาระสำคัญ
                2.1 ความคิดรวบยอด / หลักการ   ส่วนประกอบของโปรแกรมนำเสนอ (Microsoft Power Point)
                2.2 ทักษะ / กระบวนการ  ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์    ทักษะการใช้โปรแกรมนำเสนอ  ทักษะการสืบค้นข้อมูล
                2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์   มุ่งเน้นให้นักเรียนมีนิสัยรักการทำงาน รักการค้นคว้า มีความรับผิดชอบ ขยัน อดทน ทำงานเป็นระบบ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการทำงาน เห็นคุณค่าของการผสมผสานภูมิปัญญาไทยและการสื่อสารสนเทศ

3. สาระการเรียนรู้
                1. ส่วนประกอบของโปรแกรมนำเสนองาน

4. ชุดคำถามที่สำคัญ         
โปรแกรมนำเสนอมีดีอย่างไร


5. หลักฐาน/ผลงาน/การปฏิบัติงานรวบยอด (การประเมินผลรวบยอด)
                - ใบงาน

6. แนวทางการให้คะแนน (Rubric)

ด้าน/เกณฑ์
ดีมาก (4)
ดี (3)
พอผ่าน (2)
ปรับปรุง (1)
การเข้าออกโปรแกรม
เข้า-ออกโปรแกรมได้คล่องทำได้ด้วยตัวเอง
เข้าออกโปรแกรมได้แต่ต้องลองหลายครั้ง
เข้าออกโปรแกรมได้แต่ต้องถามเพื่อน
ยังเข้า-ออกโปรแกรมไม่ได้
เนื้อหา
(ส่วนประกอบหน้าจอ)
เขียนบอกส่วนประกอบหน้าจอการทำงานได้ครบ
เขียนบอกส่วนประกอบหน้าจอยังบอกรายละเอียดไม่ครบขาดไม่เกิน 2 จุด
เขียนบอกส่วนประกอบหน้าจอยังบอกรายละเอียดไม่ครบขาดไม่เกิน 4 จุด
เขียนบอกส่วนประกอบหน้าจอยังบอกรายละเอียดไม่ครบ ขาดเกิน 5 จุดขึ้นไป
การบันทึกงาน
สามารถบันทึกงานได้ด้วยตนเองและแนะนำเพื่อนได้
สามารถบันทึกงานได้
สามารถบันทึกงานได้แต่ต้องมีเพื่อนช่วย
ไม่สามารถบันทึกงานได้


7. แผนการจัดการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนการสอน การประเมินผล สื่อและแหล่งการเรียนรู้
                8.1 แผนการจัดการเรียนรู้    รู้จักกับนำเสนอ (Microsoft Power Point) เวลา 2 คาบ   10 คะแนน
                                1. เป้าหมายการเรียนรู้       รู้จักโปรแกรมนำเสนอ
                                2. สาระสำคัญ                     รู้จักส่วนประกอบของโปรแกรม
                                3. สาระการเรียนรู้            ส่วนประกอบของโปรแกรมนำเสนอ
                                4. หลักฐาน / ผลงาน / ปฏิบัติการ   ใบงาน
                                5. แนวทางการตรวจให้คะแนน       การตอบคำถามในใบงาน

8. กิจกรรมการเรียนรู้

ชั่วโมงที่ 1-2

1.             ครูซักถามนักเรียนเพื่อนำเข้าสู่บทเรียน เรื่องการนำเสนอผลงานโดยยกตัวอย่างการนำเสนอทางภาพยนตร์และทีวี
2.             นักเรียนแบ่งกลุ่มกลุ่มละ 2 คน เพื่อร่วมกันศึกษาใบความรู้ เรื่อง รู้จักกับโปรแกรมนำเสนอ (Microsoft Power Point)
3.             นักเรียนและครูช่วยกันสรุปเนื้อหาที่ได้จากใบความรู้

ชั่วโมงที่ 3-4

4.             นักเรียนทบทวนความรู้จากชั่วโมงที่ 1-2
5.             นักเรียนฝึกปฏิบัติตามใบงาน

9. สื่อการเรียนรู้
1.             ใบความรู้ เรื่อง รู้จักกับโปรแกรมนำเสนอ (Microsoft Power Point)
2.             เครื่องคอมพิวเตอร์
3.             โปรแกรมนำเสนอ (Microsoft Power Point)

10. บันทึกผลการจัดการเรียนรู้
...........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................





แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2   เรื่อง เริ่มต้นสร้างงานนำเสนอ   (Microsoft Power Point)       

รายวิชา รหัสวิชา การนำเสนอสื่อประสม  (ง 20275)     กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพและเทคโนโลยี

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3                          ภาคเรียนที่ 1         ปีการศึกษา 2556                                                เวลา 4 คาบ

ผู้สอน นายองอาจ วิจิตรวรกาญจน์                                                           โรงเรียนประสาทรัฐประชากิจ

 

1. มาตรฐานการเรียนรู้
               มาตรฐานที่ ง  3.1  เข้าใจ เห็นคุณค่า และใช้กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศในการสืบค้นข้อมูล การเรียนรู้ การสื่อสาร การแก้ปัญหา การทำงานและอาชีพ อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล
และมีคุณธรรม

  ผลการเรียนรู้       1. สามารถเลือกรูปแบบงานนำเสนอได้เหมาะสม
                                                2. สามารถพิมพ์ข้อความลงในสไลด์ได้
                                                3. สามารถแทรกรูปภาพลงในสไลด์ได้

2. สาระสำคัญ
                2.1 ความคิดรวบยอด / หลักการ   การสร้างงานนำเสนอ
                2.2 ทักษะ / กระบวนการ  ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์    ทักษะการใช้โปรแกรมนำเสนอ  ทักษะการสืบค้นข้อมูล
                2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์   มุ่งเน้นให้นักเรียนมีนิสัยรักการทำงาน รักการค้นคว้า มีความรับผิดชอบ ขยัน อดทน ทำงานเป็นระบบ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการทำงาน เห็นคุณค่าของการผสมผสานภูมิปัญญาไทยและการสื่อสารสนเทศ

3. สาระการเรียนรู้
1.             การเลือกรูปแบบงานนำเสนอที่เหมาะสม
2.             การเปิดงาน
3.             การพิมพ์ข้อความ การจัดตกแต่งข้อความให้สวยงาม
4.             การแทรกรูปภาพประกอบในงาน
5.             ส่วนประกอบของโปรแกรมนำเสนองาน



4. ชุดคำถามที่สำคัญ         
สร้างงานนำเสนอที่ดีควรทำอย่างไร

5. หลักฐาน/ผลงาน/การปฏิบัติงานรวบยอด (การประเมินผลรวบยอด)
                - ใบงาน
                - งานนำเสนอ

6. แนวทางการให้คะแนน (Rubric)

ด้าน/เกณฑ์
ดีมาก (4)
ดี (3)
พอผ่าน (2)
ปรับปรุง (1)
เนื้อหา
-เนื้อหาน่าสนใจและเป็นประโยชน์  นำไปใช้ได้จริง
-เนื้อหาน่าสนใจและเป็นประโยชน์ นำไปใช้ได้จริงไม่ได้
-เนื้อหาไม่น่าสนใจ แต่เป็นประโยชน์ 
-เนื้อหาไม่น่าสนใจและไม่เป็นประโยชน์
การออกแบบงาน
การออกแบบ  storyboard  มีความสวยงามมากและสอดคล้องกับเนื้อหา
การออกแบบ  storyboard  มีความสวยงามบ้าง  และสอดคล้องกับเนื้อหา
การออกแบบ  storyboard  ไม่สวยงาม  แต่สอดคล้องกับเนื้อหา
การออกแบบ  storyboard  ไม่สวยงาม  ไม่สอดคล้องกับเนื้อหา
รูปภาพประกอบ
รูปภาพประกอบตรงตามเนื้อหา  ตรงตามที่ออกแบบ   มีความชัดเจน  และมีจำนวนที่เหมาะสมกับงาน
รูปภาพประกอบตรงตามเนื้อหา  แต่ไม่ตรงตามที่ออกแบบ  มีความชัดเจน  และมีจำนวนเหมาะสมกับงาน
รูปภาพประกอบตรงตามเนื้อหา  แต่ไม่ตรงตามที่ออกแบบ  ไม่มีความชัดเจน  และจำนวนที่เหมาะสมกับงาน
รูปภาพประกอบไม่ตรงตามเนื้อหา  ไม่ตรงตามที่ออกแบบ  ไม่ชัดเจน  และมีจำนวนที่ไม่เหมาะสมกับงาน
ผลงานนำเสนอ
ผลงานนำเสนอ  มีความสวยงาม  โดดเด่นสะดุดตา  สอดคล้องกับเนื้อหา  เน้นสิ่งที่ต้องการสื่อได้ชัดเจน
ผลงานนำเสนอ  มีความสวยงาม  ไม่โดดเด่นสะดุดตา  สอดคล้องกับเนื้อหา  เน้นสิ่งที่ต้องการสื่อได้ปานกลาง
ผลงานนำเสนอ  สวยงาม  แต่ไม่สะดุดตา  ไม่ค่อยสอดคล้องกับเนื้อหา  เน้นสิ่งที่ต้องการสื่อได้บ้าง
ผลงานนำเสนอ  ไม่มีความสวยงาม  ไม่สะดุดตา  ไม่ได้เน้นสิ่งที่ต้องการสื่อ




7. แผนการจัดการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนการสอน การประเมินผล สื่อและแหล่งการเรียนรู้
                7.1 แผนการจัดการเรียนรู้    เริ่มต้นสร้างงานนำเสนอ   เวลา 2 คาบ   10 คะแนน
                                1. เป้าหมายการเรียนรู้       การสร้างงานนำเสนอ
                                2. สาระสำคัญ                     เลือกรูปแบบการนำเสนอที่เหมาะสม
                                3. สาระการเรียนรู้            การสร้างงานนำเสนอ
                                4. หลักฐาน / ผลงาน / ปฏิบัติการ   ผลงานนำเสนอ
                                5. แนวทางการตรวจให้คะแนน       ผลงานตรวจตามเกณฑ์รูบิก

8. กิจกรรมการเรียนรู้

ชั่วโมงที่ 1

1.             นักเรียนและครูทบทวนเนื้อหาเริ่มต้นของโปรแกรมนำเสนอ
2.             นักเรียนแบ่งกลุ่มกลุ่มละ 2 คน เพื่อร่วมกันศึกษาใบความรู้ เรื่อง การเริ่มต้นสร้างงาน
3.             นักเรียนและครูช่วยกันสรุปเนื้อหาที่ได้จากใบความรู้

ชั่วโมงที่ 2-4

        4.    นักเรียนฝึกปฏิบัติตามใบงาน (พิมพ์ประวัติของนักเรียน)
        5.    นักเรียนส่งผลงานนำเสนอ เรื่อง ประวัติของนักเรียน   
        6.    นักเรียนและครูดูผลงาน พร้อมให้คำแนะนำ  (10   คะแนน)

9. สื่อการเรียนรู้
1.             ใบความรู้ เรื่อง เริ่มต้นสร้างงานนำเสนอ
1.             เครื่องคอมพิวเตอร์
2.             โปรแกรม Microsoft PowerPoint

10. บันทึกผลการจัดการเรียนรู้
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................





แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3

       

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3   เรื่อง ตกแต่งงานนำเสนอ   (Microsoft Power Point)       

รายวิชา รหัสวิชา การนำเสนอสื่อประสม  (ง 20275)    กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพและเทคโนโลยี

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3                          ภาคเรียนที่ 1         ปีการศึกษา 2556                                            เวลา 2 คาบ

ผู้สอน นายองอาจ วิจิตรวรกาญจน์                                                                            โรงเรียนประสาทรัฐประชากิจ

 


1. มาตรฐานการเรียนรู้
               มาตรฐานที่ ง  3.1               เข้าใจ เห็นคุณค่า และใช้กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศในการสืบค้นข้อมูล การเรียนรู้ การสื่อสาร การแก้ปัญหา การทำงานและอาชีพ อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล
และมีคุณธรรม
               
ผลการเรียนรู้       1. สามารถเปลี่ยนสีพื้นหลังตามแบบที่ต้องการได้
2. สามารถใช้การออกแบบตกแต่งพื้นหลังได้
                                                3. สามารถแทรกอักษรศิลป์ตกแต่งได้
                                                4. สามารถแทรกสัญลักษณ์ เส้นขอบต่างๆ ได้

2. สาระสำคัญ
                2.1 ความคิดรวบยอด / หลักการ   การตกแต่งงานนำเสนอ
                2.2 ทักษะ / กระบวนการ  ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์    ทักษะการใช้โปรแกรมนำเสนอ  ทักษะการสืบค้นข้อมูล
                2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์   มุ่งเน้นให้นักเรียนมีนิสัยรักการทำงาน รักการค้นคว้า มีความรับผิดชอบ ขยัน อดทน ทำงานเป็นระบบ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการทำงาน เห็นคุณค่าของการผสมผสานภูมิปัญญาไทยและการสื่อสารสนเทศ

 

3. สาระการเรียนรู้              

1. การตกแต่งงานนำเสนอ

 

4. ชุดคำถามที่สำคัญ         
ทำอย่างไรจะตกแต่งงานนำเสนอให้น่าสนใจ


5. หลักฐาน/ผลงาน/การปฏิบัติงานรวบยอด (การประเมินผลรวบยอด)
                - ใบงาน
                - งานนำเสนอ

6. แนวทางการให้คะแนน (Rubric)

ด้าน/เกณฑ์
ดีมาก (4)
ดี (3)
พอผ่าน (2)
ปรับปรุง (1)
เนื้อหา
-เนื้อหาน่าสนใจและเป็นประโยชน์  นำไปใช้ได้จริง
-เนื้อหาน่าสนใจและเป็นประโยชน์ นำไปใช้ได้จริงไม่ได้
-เนื้อหาไม่น่าสนใจ แต่เป็นประโยชน์ 
-เนื้อหาไม่น่าสนใจและไม่เป็นประโยชน์
การออกแบบงาน
การออกแบบ  storyboard  มีความสวยงามมากและสอดคล้องกับเนื้อหา
การออกแบบ  storyboard  มีความสวยงามบ้าง  และสอดคล้องกับเนื้อหา
การออกแบบ  storyboard  ไม่สวยงาม  แต่สอดคล้องกับเนื้อหา
การออกแบบ  storyboard  ไม่สวยงาม  ไม่สอดคล้องกับเนื้อหา
รูปภาพประกอบ
รูปภาพประกอบตรงตามเนื้อหา  ตรงตามที่ออกแบบ   มีความชัดเจน  และมีจำนวนที่เหมาะสมกับงาน
รูปภาพประกอบตรงตามเนื้อหา  แต่ไม่ตรงตามที่ออกแบบ  มีความชัดเจน  และมีจำนวนเหมาะสมกับงาน
รูปภาพประกอบตรงตามเนื้อหา  แต่ไม่ตรงตามที่ออกแบบ  ไม่มีความชัดเจน  และจำนวนที่เหมาะสมกับงาน
รูปภาพประกอบไม่ตรงตามเนื้อหา  ไม่ตรงตามที่ออกแบบ  ไม่ชัดเจน  และมีจำนวนที่ไม่เหมาะสมกับงาน
ผลงานนำเสนอ
ผลงานนำเสนอ  มีความสวยงาม  โดดเด่นสะดุดตา  สอดคล้องกับเนื้อหา  เน้นสิ่งที่ต้องการสื่อได้ชัดเจน
ผลงานนำเสนอ  มีความสวยงาม  ไม่โดดเด่นสะดุดตา  สอดคล้องกับเนื้อหา  เน้นสิ่งที่ต้องการสื่อได้ปานกลาง
ผลงานนำเสนอ  สวยงาม  แต่ไม่สะดุดตา  ไม่ค่อยสอดคล้องกับเนื้อหา  เน้นสิ่งที่ต้องการสื่อได้บ้าง
ผลงานนำเสนอ  ไม่มีความสวยงาม  ไม่สะดุดตา  ไม่ได้เน้นสิ่งที่ต้องการสื่อ


7. แผนการจัดการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนการสอน การประเมินผล สื่อและแหล่งการเรียนรู้
                7.1 แผนการจัดการเรียนรู้    การตกแต่งงานนำเสนอ   เวลา 2 คาบ    10 คะแนน
                                1. เป้าหมายการเรียนรู้       การตกแต่งงานนำเสนอ
                                2. สาระสำคัญ                     ตกแต่งงานนำเสนอให้สวยงามและเหมาะสม
                                3. สาระการเรียนรู้            การตกแต่งงานนำเสนอ
                                4. หลักฐาน / ผลงาน / ปฏิบัติการ   ผลงานนำเสนอ
                                5. แนวทางการตรวจให้คะแนน       ผลงานตรวจตามเกณฑ์รูบิก

8. กิจกรรมการเรียนรู้
ชั่วโมงที่ 1
1.             นักเรียนและครูทบทวนเนื้อหาในคาบที่แล้วเรื่องการพิมพ์ข้อความและแทรกรูปภาพ
2.             นักเรียนแบ่งกลุ่มกลุ่มละ 2 คน เพื่อร่วมกันศึกษาใบความรู้ เรื่อง การตกแต่งงานนำเสนอ
3.             นักเรียนและครูช่วยกันสรุปเนื้อหาที่ได้จากใบความรู้

ชั่วโมงที่ 2

4.             นักเรียนฝึกปฏิบัติ โดยการเปิดงานเก่าขึ้นมาตกแต่งให้สวยงาม แล้วนำส่งครู
               
9. สื่อการเรียนรู้
1.             ใบความรู้ เรื่อง การตกแต่งงานนำเสนอ
2.             เครื่องคอมพิวเตอร์
3.             โปรแกรม Microsoft PowerPoint

10. บันทึกผลการจัดการเรียนรู้
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................




แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4   เรื่อง การนำเสนอผลงาน   (Microsoft Power Point)       

รายวิชา รหัสวิชา การนำเสนอสื่อประสม  (ง 20275)     กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพและเทคโนโลยี

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3         ภาคเรียนที่ 1         ปีการศึกษา 2556                        เวลา 10 คาบ

ผู้สอน นายองอาจ วิจิตรวรกาญจน์                                   โรงเรียนประสาทรัฐประชากิจ

 


1. มาตรฐานการเรียนรู้
               มาตรฐานที่ ง  3.1  เข้าใจ เห็นคุณค่า และใช้กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศในการสืบค้นข้อมูล การเรียนรู้ การสื่อสาร การแก้ปัญหา การทำงานและอาชีพ อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล
และมีคุณธรรม
               
ผลการเรียนรู้       1. สามารถกำหนดลูกเล่นให้ข้อความได้
                                                2. สามารถเปลี่ยนภาพนิ่งได้
                                                3. สามารถนำเสนอผลงานทางจอคอมพิวเตอร์ได้

2. สาระสำคัญ
                2.1 ความคิดรวบยอด / หลักการ   การนำเสนอผลงาน
                2.2 ทักษะ / กระบวนการ  ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์    ทักษะการใช้โปรแกรมนำเสนอ  ทักษะการสืบค้นข้อมูล
                2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์   มุ่งเน้นให้นักเรียนมีนิสัยรักการทำงาน รักการค้นคว้า มีความรับผิดชอบ ขยัน อดทน ทำงานเป็นระบบ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการทำงาน เห็นคุณค่าของการผสมผสานภูมิปัญญาไทยและการสื่อสารสนเทศ

3. สาระการเรียนรู้              
                    1. การนำเสนอผลงาน

4. ชุดคำถามที่สำคัญ         
ทำอย่างไรจะนำเสนอชิ้นงานให้มีความน่าสนใจ

5. หลักฐาน/ผลงาน/การปฏิบัติงานรวบยอด (การประเมินผลรวบยอด)
                - ใบงาน
                - งานนำเสนอ
6. แนวทางการให้คะแนน (Rubric)

ด้าน/เกณฑ์
ดีมาก (4)
ดี (3)
พอผ่าน (2)
ปรับปรุง (1)
เนื้อหา
-เนื้อหาน่าสนใจและเป็นประโยชน์  นำไปใช้ได้จริง
-เนื้อหาน่าสนใจและเป็นประโยชน์ นำไปใช้ได้จริงไม่ได้
-เนื้อหาไม่น่าสนใจ แต่เป็นประโยชน์ 
-เนื้อหาไม่น่าสนใจและไม่เป็นประโยชน์
การออกแบบงาน
การออกแบบ  storyboard  มีความสวยงามมากและสอดคล้องกับเนื้อหา
การออกแบบ  storyboard  มีความสวยงามบ้าง  และสอดคล้องกับเนื้อหา
การออกแบบ  storyboard  ไม่สวยงาม  แต่สอดคล้องกับเนื้อหา
การออกแบบ  storyboard  ไม่สวยงาม  ไม่สอดคล้องกับเนื้อหา
รูปภาพประกอบ
รูปภาพประกอบตรงตามเนื้อหา  ตรงตามที่ออกแบบ   มีความชัดเจน  และมีจำนวนที่เหมาะสมกับงาน
รูปภาพประกอบตรงตามเนื้อหา  แต่ไม่ตรงตามที่ออกแบบ  มีความชัดเจน  และมีจำนวนเหมาะสมกับงาน
รูปภาพประกอบตรงตามเนื้อหา  แต่ไม่ตรงตามที่ออกแบบ  ไม่มีความชัดเจน  และจำนวนที่เหมาะสมกับงาน
รูปภาพประกอบไม่ตรงตามเนื้อหา  ไม่ตรงตามที่ออกแบบ  ไม่ชัดเจน  และมีจำนวนที่ไม่เหมาะสมกับงาน
ผลงานนำเสนอ
ผลงานนำเสนอ  มีความสวยงาม  โดดเด่นสะดุดตา  สอดคล้องกับเนื้อหา  เน้นสิ่งที่ต้องการสื่อได้ชัดเจน
ผลงานนำเสนอ  มีความสวยงาม  ไม่โดดเด่นสะดุดตา  สอดคล้องกับเนื้อหา  เน้นสิ่งที่ต้องการสื่อได้ปานกลาง
ผลงานนำเสนอ  สวยงาม  แต่ไม่สะดุดตา  ไม่ค่อยสอดคล้องกับเนื้อหา  เน้นสิ่งที่ต้องการสื่อได้บ้าง
ผลงานนำเสนอ  ไม่มีความสวยงาม  ไม่สะดุดตา  ไม่ได้เน้นสิ่งที่ต้องการสื่อ


7. แผนการจัดการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนการสอน การประเมินผล สื่อและแหล่งการเรียนรู้
                7.1 แผนการจัดการเรียนรู้    การนำเสนอผลงาน   เวลา 10 คาบ     10 คะแนน
                                1. เป้าหมายการเรียนรู้       การนำเสนอผลงาน
                                2. สาระสำคัญ                     การนำเสนอผลงานให้มีความน่าสนใจ
                                3. สาระการเรียนรู้            การนำเสนอผลงาน
                                4. หลักฐาน / ผลงาน / ปฏิบัติการ   ผลงานนำเสนอ
                                5. แนวทางการตรวจให้คะแนน       ผลงานตรวจตามเกณฑ์รูบิก


8. กิจกรรมการเรียนรู้
ชั่วโมงที่ 1
1.             นักเรียนและครูทบทวนเนื้อหาที่เรียนมา
2.             นักเรียนแบ่งกลุ่มกลุ่มละ 2 คน เพื่อร่วมกันศึกษาใบความรู้ เรื่อง การกำหนดรูปแบบการนำเสนอ
3.             นักเรียนและครูช่วยกันสรุปเนื้อหาที่ได้จากใบความรู้

        ชั่วโมงที่ 2

4.             นักเรียนฝึกปฏิบัติตามใบงาน(เปิดงานเก่าขึ้นมาแก้ไข) พร้อมนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน
5.             ครูเปิดโครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่องเกี่ยวกับสมุนไพร ให้นักเรียนดูเป็นตัวอย่าง
6.             ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 2 คน เพื่อนำเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์หัวข้อเรื่องที่นักเรียนสนใจ   (หรือจะเป็นเรื่องสมุนไพร) โดยให้นักเรียนเขียนเค้าโครงงานส่ง ดังนี้
-                   ชื่อโครงงาน
-                   ชื่อผู้จัดทำ 
-                   อาจารย์ที่ปรึกษา
-                   ที่มาและความสำคัญ
-                   จุดหมายของการศึกษาค้นคว้า
-                   วิธีดำเนินงาน
-                   เอกสารอ้างอิง
ชั่วโมงที่ 3-4
1.             นักเรียนเริ่มทำโครงงานโดยใช้โปรแกรม Microsoft Power Point

ชั่วโมงที่ 5-6

1.             นักเรียนทำรูปเล่มโครงงานส่ง พร้อม ทำแผ่นพับ โดยใช้โปรแกรม Microsoft Word

ชั่วโมงที่ 7-8

1.             นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอโครงงานหน้าชั้นเรียน
2.             ครูและเพื่อนนักเรียนช่วยกันให้คะแนนตามเกณฑ์
3.             ช่วยกันวิจารณ์และชื่นชมงาน พร้อมให้นักเรียนเลือกว่าชอบโครงงานของใคร

ชั่วโมงที่ 9-10

1.             สอบปฏิบัติโดย ให้นักเรียนนำเสนอข้อมูลโดยค้นหาข้อมูลผ่านทางอินเตอร์เน็ตโดยใช้รูปแบบของ
       โครงงานคอมพิวเตอร์



9. สื่อการเรียนรู้
1. ใบความรู้ เรื่อง การตกแต่งงานนำเสนอ  
2.  เครื่องคอมพิวเตอร์
3. โปรแกรม Microsoft Power Point

10. บันทึกผลการจัดการเรียนรู้
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................




แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5   เรื่อง การใช้คำสั่งพิเศษ   (Microsoft Power Point)       

รายวิชา รหัสวิชา การนำเสนอสื่อประสม  (ง 20275)     กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพและเทคโนโลยี

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3              ภาคเรียนที่ 1         ปีการศึกษา 2556                        เวลา 20 คาบ

ผู้สอน นายองอาจ วิจิตรวรกาญจน์                                                     โรงเรียนประสาทรัฐประชากิจ

 


1. มาตรฐานการเรียนรู้
               มาตรฐานที่ ง  3.1  เข้าใจ เห็นคุณค่า และใช้กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศในการสืบค้นข้อมูล การเรียนรู้ การสื่อสาร การแก้ปัญหา การทำงานและอาชีพ อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล
และมีคุณธรรม
               
ผลการเรียนรู้       1. สามารถใช้คำสั่งพิเศษตกแต่งงานได้
                                                2. สามารถประยุกต์ใช้คำสั่งพิเศษสร้างสรรค์งานตามที่ต้องการได้

2. สาระสำคัญ
                2.1 ความคิดรวบยอด / หลักการ   คำสั่งพิเศษต่างๆ ในโปรแกรม
                2.2 ทักษะ / กระบวนการ  ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์    ทักษะการใช้โปรแกรมนำเสนอ  ทักษะการสืบค้นข้อมูล
                2.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์   มุ่งเน้นให้นักเรียนมีนิสัยรักการทำงาน รักการค้นคว้า มีความรับผิดชอบ ขยัน อดทน ทำงานเป็นระบบ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการทำงาน เห็นคุณค่าของการผสมผสานภูมิปัญญาไทยและการสื่อสารสนเทศ

3. สาระการเรียนรู้              
1. คำสั่งพิเศษต่าง ๆในโปรแกรม

4. ชุดคำถามที่สำคัญ         
คำสั่งพิเศษทำให้งานนำเสนอน่าสนใจได้อย่างไร

5. หลักฐาน/ผลงาน/การปฏิบัติงานรวบยอด (การประเมินผลรวบยอด)
                - ใบงาน
                - งานนำเสนอ
6. แนวทางการให้คะแนน (Rubric)

ด้าน/เกณฑ์
ดีมาก (4)
ดี (3)
พอผ่าน (2)
ปรับปรุง (1)
เนื้อหา
-เนื้อหาน่าสนใจและเป็นประโยชน์  นำไปใช้ได้จริง
-เนื้อหาน่าสนใจและเป็นประโยชน์ นำไปใช้ได้จริงไม่ได้
-เนื้อหาไม่น่าสนใจ แต่เป็นประโยชน์ 
-เนื้อหาไม่น่าสนใจและไม่เป็นประโยชน์
การออกแบบงาน
การออกแบบ  storyboard  มีความสวยงามมากและสอดคล้องกับเนื้อหา
การออกแบบ  storyboard  มีความสวยงามบ้าง  และสอดคล้องกับเนื้อหา
การออกแบบ  storyboard  ไม่สวยงาม  แต่สอดคล้องกับเนื้อหา
การออกแบบ  storyboard  ไม่สวยงาม  ไม่สอดคล้องกับเนื้อหา
รูปภาพประกอบ
รูปภาพประกอบตรงตามเนื้อหา  ตรงตามที่ออกแบบ   มีความชัดเจน  และมีจำนวนที่เหมาะสมกับงาน
รูปภาพประกอบตรงตามเนื้อหา  แต่ไม่ตรงตามที่ออกแบบ  มีความชัดเจน  และมีจำนวนเหมาะสมกับงาน
รูปภาพประกอบตรงตามเนื้อหา  แต่ไม่ตรงตามที่ออกแบบ  ไม่มีความชัดเจน  และจำนวนที่เหมาะสมกับงาน
รูปภาพประกอบไม่ตรงตามเนื้อหา  ไม่ตรงตามที่ออกแบบ  ไม่ชัดเจน  และมีจำนวนที่ไม่เหมาะสมกับงาน
ผลงานนำเสนอ
ผลงานนำเสนอ  มีความสวยงาม  โดดเด่นสะดุดตา  สอดคล้องกับเนื้อหา  เน้นสิ่งที่ต้องการสื่อได้ชัดเจน
ผลงานนำเสนอ  มีความสวยงาม  ไม่โดดเด่นสะดุดตา  สอดคล้องกับเนื้อหา  เน้นสิ่งที่ต้องการสื่อได้ปานกลาง
ผลงานนำเสนอ  สวยงาม  แต่ไม่สะดุดตา  ไม่ค่อยสอดคล้องกับเนื้อหา  เน้นสิ่งที่ต้องการสื่อได้บ้าง
ผลงานนำเสนอ  ไม่มีความสวยงาม  ไม่สะดุดตา  ไม่ได้เน้นสิ่งที่ต้องการสื่อ


7. แผนการจัดการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนการสอน การประเมินผล สื่อและแหล่งการเรียนรู้
                7.1 แผนการจัดการเรียนรู้    การใช้คำสั่งพิเศษ   เวลา 22 คาบ    10 คะแนน
                                1. เป้าหมายการเรียนรู้       การใช้คำสั่งพิเศษ
                                2. สาระสำคัญ                     การใช้คำสั่งพิเศษเพิ่มความน่าสนใจกับงานนำเสนอ
                                3. สาระการเรียนรู้            การใช้คำสั่งพิเศษ
                                4. หลักฐาน / ผลงาน / ปฏิบัติการ   ผลงานนำเสนอ
                                5. แนวทางการตรวจให้คะแนน       ผลงานตรวจตามเกณฑ์รูบิก


8. กิจกรรมการเรียนรู้
ชั่วโมงที่ 1-2
1.             นักเรียนและครูทบทวนเนื้อหาที่เรียนมา
2.             นักเรียนแบ่งกลุ่มกลุ่มละ 2 คน เพื่อร่วมกันศึกษาใบความรู้ เรื่อง การใช้คำสั่งพิเศษ
3.             นักเรียนและครูช่วยกันสรุปเนื้อหาที่ได้จากใบความรู้
4.             นักเรียนฝึกปฏิบัติตามใบงาน การสร้างบทเรียนภาษาอังกฤษ 
ชั่วโมงที่ 3-4
1.             นักเรียนนำเสนองานของตนเองให้เพื่อน ในชั้นช่วยกันวิจารณ์ ติชม

                ชั่วโมงที่ 5-10

1.             นักเรียนปฏิบัติการสร้างงานบทเรียนคอมพิวเตอร์ เรื่อง อินเตอร์เน็ต
2.             นักเรียนนำเสนองานของตนเองให้เพื่อน ในชั้นช่วยกันวิจารณ์ติชม

ชั่วโมงที่ 11 - 16

1.             นักเรียนปฏิบัติการสร้างงานบทเรียนคอมพิวเตอร์ โดยให้บูรณาการกับวิชาที่ตนเองเรียนเลือกมา         1 เนื้อหา
                ชั่วโมงที่ 17 - 18
1.             นักเรียนนำเสนองานของตนเองให้เพื่อนและครู  ช่วยกันวิจารณ์ ติชม
                ชั่วโมงที่ 19-20
1.             สอบปฏิบัติการใช้คำสั่งพิเศษ และ การสืบค้นข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ต

9. สื่อการเรียนรู้
 1. ใบความรู้ เรื่อง การใช้คำสั่งพิเศษ
2.  เครื่องคอมพิวเตอร์
3. โปรแกรม Microsoft Power Point

10. บันทึกผลการจัดการเรียนรู้
..................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................